Woman Care Clinic

รู้ทันก่อนสาย! อาการที่ควรระวัง เสี่ยงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

โดย นพ. ศุภณัฐ บุรินทร์กุล (หมอเอิร์ท)
พญ. ฐานิสา กิจจรัส (หมอแนน)

สังเกตอาการที่เสี่ยงเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

สวัสดีค่ะ จากบทความที่แล้ว เราได้ทำความรู้จักกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์กันไปแล้ว ในบทความนี้หมอจะขอเล่าเกี่ยวกับอาการ การตรวจวินิจฉัย และการรักษาเมื่อเราติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์กันนะคะ

เมื่อมีการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แน่นอนค่ะว่าอาการเริ่มแรกมักจะเริ่มจากบริเวณอวัยวะเพศ ซึ่งเป็นจุดตั้งต้นของการรับเชื้อเข้ามานั่นเองค่ะ โดยระยะฟักตัวและอาการแสดงของตัวโรคจะแตกต่างกันไปตามแต่ละชนิดเชื้อที่ได้รับมาค่ะ

ทั่วไปแล้วโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จะแสดงอาการหลังจากรับเชื้อมาแล้ว 1-3 สัปดาห์ค่ะ ทั้งนี้ระยะฟักตัวจะเร็วหรือช้า ขึ้นอยู่กับชนิดเชื้อ ปริมาณเชื้อที่ได้รับมา และความสามารถของระบบภูมิคุ้มกันของแต่ละบุคคลค่ะ ส่วนอาการแสดงโดยทั่วไปที่อาจบ่งถึงการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ อาจจะแบ่งง่ายๆ เป็นอาการแสดงของฝ่ายหญิง และฝ่ายชาย ดังนี้ค่ะ

ตกขาวผิดปกติ (Leukorrhea)

>> พบเฉพาะเพศหญิง <<

แม้ว่าปัญหา “ตกขาวผิดปกติ” จะเป็นปัญหาที่พบบ่อยสำหรับคุณผู้หญิง แต่ส่วนใหญ่แล้วเชื้อก่อโรคไม่ได้เกิดจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์นะคะ ลักษณะตกขาวที่มีลักษณะเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ จะมีลักษณะเฉพาะคือ มีสีขาว-เหลืองคล้ายหนอง, ตกขาวมีเลือดปน (เกิดจากการปากมดลูกอักเสบ), ตกขาวปนน้ำปริมาณมาก (จากท่อนำไข่อักเสบ) เป็นต้น

ปวดท้องน้อย (Pelvic pain)

>> พบเฉพาะเพศหญิง <<

ปัญหาเรื่องปวดท้องน้อยทั้งแบบเฉียบพลันหรือเรื้อรัง (ที่ไม่สัมพันธ์กับรอบประจำเดือน) อาจเกิดจากการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่ลุกลามจากบริเวณช่องคลอดขึ้นไปยังมดลูก ท่อนำไข่ และรังไข่ได้ค่ะ หากรุนแรงมากอาจจะทำให้เกิดโรค “อุ้งเชิงกรานอักเสบ” (Pelvic inflammatory disease) และอาจเกิด “ฝีหนองในอุ้งเชิงกราน” ได้ (Tubo-ovarian abscess) ซึ่งมีความอันตรายอย่างมาก ดังนั้นในกรณีที่พบว่ามีอาการปวดท้องน้อย ร่วมกับตกขาว หมอแนะนำให้รีบเข้ามาตรวจกันเพื่อประเมินสาเหตุตั้งแต่เนิ่นๆนะคะ

แผล ผื่น หรือตุ่มบริเวณอวัยวะเพศ (Genital lesions)

>> พบในเพศหญิง และเพศชาย <<

แผล ผื่น หรือตุ่มบริเวณอวัยวะเพศ มักจะเป็นอาการแสดงแรกๆ ของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ค่ะ รอยโรคบริเวณอวัยวะเพศมีได้หลายชนิด ตั้งแต่แผลตื้น แผลลึก ตุ่มน้ำใส ตุ่มหนอง หูด ผื่น เป็นต้น ปัญหาที่พบคือ รอยโรคเหล่านี้ บางครั้งอาจจะไม่มีอาการเจ็บ และบางครั้งก็หายเองได้ จึงทำให้หลายคนอาจจะละเลยไม่มาตรวจรักษา หรือบางคนอาจไม่ทราบว่าตนเองมีรอยโรคค่ะ ซึ่งบ่อยครั้ง ตัวเชื้อโรคจะยังซุกซ่อนอยู่ในร่างกาย และก่อโรคทำให้มีอาการซ้ำซากค่ะ

ต่อมน้ำเหลืองโตบริเวณขาหนีบ (Groin lymphadenopathy)

>> พบในเพศหญิง และเพศชาย <<

การติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิด อาจทำให้เกิดการอักเสบของต่อมน้ำเหลืองบริเวณขาหนีบได้โดยจะคลำพบก้อนเล็กๆ ขนาดตั้งแต่ 0.5 – 1 เซนติเมตร บริเวณขาหนีบ หากการอักเสบเป็นมาก บางครั้งอาจมีไข้ หรือเจ็บบริเวณต่อมน้ำเหลืองได้ค่ะ

ปัสสาวะแสบขัดเป็นหนอง (Dysuria)

>> พบในเพศหญิง และเพศชาย <<

ปัญหานี้เกิดขึ้นจากการอักเสบของท่อปัสสาวะ (Urethritis) ซึ่งมักเกิดร่วมกับการติดเชื้อโรคกลุ่มหนองใน โดยเฉพาะ “หนองในแท้ (Gonorrhea)” อาการคือปัสสาวะแสบขัดมาก บางรายอาจจะมีหนองไหลจากท่อปัสสาวะได้ บางครั้งอาจทำให้สับสนกับกลุ่มอาการของกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้ค่ะ แต่การรักษาจะแตกต่างกันเนื่องจากการติดเชื้อหนองในจำเป็นต้องใช้ยาฆ่าเชื้อที่มีประสิทธิภาพสูง และยาวนานกว่ากลุ่มกระเพาะปัสสาวะอักเสบค่ะ อาการนี้พบได้ทั้งในคุณผู้หญิงและผู้ชาย โดยอาการของคุณผู้ชายจะค่อนข้างรุนแรง และมีความจำเพาะต่อการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มากกว่าค่ะ

อาการเสี่ยง STD

ในอดีตการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อาศัยการซักประวัติ ตรวจร่างกายและการเพาะเชื้อเป็นหลักค่ะ ซึ่งค่อนข้างใช้เวลานาน แต่ปัจจุบันการตรวจหาเชื้อโดยใช้สารพันธุกรรม (Nucleic acid amplification test หรือ NAAT) ทำให้มีความไว และความแม่นยำที่สูงมาก และได้กลายมาเป็นมาตรฐานหลักในการตรวจค่ะ

ซึ่งทาง Woman Care Clinic ได้ใช้เทคนิคการตรวจแบบ Polymerase Chain Reaction (PCR) ซึ่งนับว่าเป็นการตรวจกลุ่ม NAAT ที่มีความแม่นยำสูงในการตรวจวินิจฉัย ร่วมกับการตรวจร่างกาย และตรวจภายในโดยแพทย์เฉพาะทาง เพื่อให้การวินิจฉัยและการรักษา ตรงกับอาการ หรือโรคที่คนไข้ได้รับมาค่ะ รายการการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีดังนี้ค่ะ

การตรวจร่างกาย และตรวจภายในประเมินรอยโรคโดยแพทย์เฉพาะทาง มีความสำคัญมากค่ะ คุณหมอจะประเมินลักษณะแผล หรือตกขาว แล้วเก็บตัวอย่างที่น่าสงสัย เพื่อนำไปตรวจหาเชื้อโดยละเอียดต่อไปค่ะ นอกจากนี้กรณีรอยโรคมีความรุนแรงมาก คุณหมออาจพิจารณาเริ่มการรักษาเบื้องต้นไปก่อน เพื่อให้อาการดีขึ้นอย่างรวดเร็วค่ะ

การตรวจหาชนิดเชื้อด้วยวิธี PCR เป็นการตรวจที่มีความไว และความแม่นยำมากที่สุดในปัจจุบันค่ะ สามารถตรวจหาเชื้อได้ทันทีหลังรับเชื้อค่ะ นั่นหมายความว่า เราจะทราบว่ามีการติดเชื้อได้แม้ยังไม่แสดงอาการค่ะ หรือบางคนอาจเรียกว่าเป็น “พาหะ” นั่นเองค่ะ ซึ่งการที่ตรวจพบเชื้อก่อนเนิ่นๆ จะช่วยให้การรักษาเป็นไปด้วยความรวดเร็ว ตรงจุด และมีประสิทธิภาพ ช่วยเพิ่มอัตราการหายขาด และป้องกันการกลับเป็นซ้ำค่ะ นอกจากนี้ยังช่วยลดอัตราการเกิด “เชื้อดื้อยา” ที่มักเกิดจากการรักษาแบบกว้างเกินไปและไม่เจาะจงเชื้อค่ะ

โดยทาง Woman Care Clinic มีบริการชุดตรวจ 2 ชนิด คือตรวจแบบ 11 ชนิดเชื้อ และตรวจแบบ 15 ชนิดเชื้อ รายละเอียดจะเป็นตามนี้เลยนะคะ

 

STD 11 ชนิดเชื้อ
  • Neisseria gonorrhea
  • Chlamydia trachomatis
  • Mycoplasma hominis
  • Mycoplasma genitalium
  • Trichomonas vaginalis
  • Ureaplasma urealytium
  • Ureaplasma parvum
  • Trepnema pallidum
  • Haemophilus ducreyi
  • Herpes simplex virus type 1
  • Herpes simplex virus type 2
  • หนองในแท้
  • หนองในเทียม
  • ไมโครพลาสม่า โฮมินิส
  • ไมโครพลาสม่า เจนิทาเลียม
  • พยาธิในช่องคลอด
  • ยูเรียพลาสมา ยูเรียไลติคุม
  • ยูเรียพลาสมา พลาวุม
  • ซิฟิลิส
  • ฮีโมฟิลุส ดุครีอาย
  • เชื้อเริมชนิดที่ 1
  • เชื้อเริมชนิดที่ 2
เชื้อเพิ่มเติม (สำหรับการตรวจ 15 ชนิดเชื้อ)
  • Candida albicans
  • Candida glabrata
  • Gardnerella vaginalis
  • Streptococcus agalactiae
  • เชื้อราแคนดิดา
  • เชื้อราแคนดิดา กลาบราตา
  • เชื้อแบคทีเรียช่องคลอ
  • เสรปโตคอคคัส (GBS)

 การตรวจเลือดจำเป็นสำหรับการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางชนิด ที่ไม่แสดงอาการค่ะ โดยโรคที่พบบ่อย และมีความรุนแรงสูงได้แก่ เอชไอวี, ซิฟิลิส ไวรัสตับอักเสบบี และไวรัสตับอักเสบซีค่ะ จะสังเกตเห็นว่าเชื้อกลุ่มนี้อาจจะไม่ได้อยู่ในการตรวจหาเชื้อแบบ PCR เนื่องจากส่วนใหญ่แล้วเป็นเชื้อไวรัสที่ติดเชื้อเข้าสู่กระแสเลือด และไม่ค่อยแสดงอาการผิดปกติ จนกว่าจะเข้าสู่ระยะที่เป็นมากแล้ว ดังนั้นการตรวจเลือดจะเหมาะสมที่สุดค่ะ ซึ่งสามารถตรวจพบได้ไวที่สุดภายใน 2 สัปดาห์หลังจากได้รับเชื้อ หรือมีความเสี่ยงค่ะ

สำหรับท่านที่ต้องการปรึกษาแพทย์พร้อมรับการตรวจแบบครอบคลุม ทาง Woman Care Clinic มีบริการการตรวจ STD เป็นแพ็กเกจ ให้บริการทั้งคุณผู้หญิงและคุณผู้ชาย สามารถเลือกตรวจแบบเริ่มต้นด้วย 11 ชนิดเชื้อ หรือตรวจครอบคลุมทั้ง 15 ชนิดเชื้อ รวมถึงมีรายการตรวจเลือด ซึ่งทราบผลภายใน 3 วันเท่านั้นเองค่ะ

การตรวจร่างกาย และตรวจภายในประเมินรอยโรคโดยแพทย์เฉพาะทาง มีความสำคัญมากค่ะ คุณหมอจะประเมินลักษณะแผล หรือตกขาว แล้วเก็บตัวอย่างที่น่าสงสัย เพื่อนำไปตรวจหาเชื้อโดยละเอียดต่อไปค่ะ นอกจากนี้กรณีรอยโรคมีความรุนแรงมาก คุณหมออาจพิจารณาเริ่มการรักษาเบื้องต้นไปก่อน เพื่อให้อาการดีขึ้นอย่างรวดเร็วค่ะ

ตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธุ์ผู้หญิง
ชุดตรวจโรคติดต่อสำหรับคุณผู้ชาย

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ส่วนใหญ่เป็นโรคที่ “หายขาด” ค่ะ บางส่วนอาจสามารถหายเองได้ แต่ส่วนใหญ่มักต้องอาศัยยาฆ่าเชื้อที่ตรงกับชนิดเชื้อในการรักษานะคะ หากเป็นกลุ่มเชื้อที่ไม่รุนแรง อาจจะใช้แค่ยาฆ่าเชื้อแบบรับประทานในการรักษา แต่ถ้าหากเป็นเชื้อที่มีความรุนแรงมาก หรือติดเชื้อหลายชนิด อาจจำเป็นต้องใช้ยาฉีดร่วมด้วยค่ะ

ทั้งนี้การรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เหมาะสม ควรพิจารณาตามเชื้อที่ตรวจพบ และอย่าลืมที่จะตรวจรักษาคู่นอนด้วยเสมอนะคะ เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ซ้ำซ้อน (ลดพฤติกรรมเสี่ยง และใส่ถุงยางอนามัยก่อนมีเพศสัมพันธ์) และเพิ่มโอกาสการหายขาดค่ะ

โดยที่ Woman Care Clinic ของเรา ดูแลโดยคุณหมอเฉพาะทางด้านสูตินรีเวชผู้มากประสบการณ์ มีรายการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ครบถ้วน สะดวกสบาย และได้ผลรวดเร็ว เรามีทั้งคุณหมอผู้หญิงที่รู้ใจสาวๆ และคุณหมอผู้ชายที่ให้บริการตรวจผู้ชายโดยเฉพาะ หลังตรวจพบสามารถรับการรักษาจบในที่เดียวเลยค่ะ หากท่านใดสนใจเข้าปรึกษาคุณหมอเพื่อการตรวจ STD สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ เบอร์ 096-692-5044 หรือ line : @womancareclinic (มี@) ได้เลยนะคะ